รวมไอเท็มชิ้นเด็ดที่ให้ความชุ่มชื่นสูงแต่มาในเนื้อบางเบาน่าประทับใจสุดๆ เพราะอากาศร้อนอบอ้าวอย่างนี้ เราต่างก็ต้องการผลิตภัณฑ์ที่เนื้อดี เกลี่ยง่าย ซึมซาบเร็วและไม่อุดตันรูขุมขน นอกจากนี้แล้ว กลิ่นก็มีความสำคัญไม่น้อยเพราะการได้ประทินความงามไปพร้อมกับสูดดมกลิ่นหอมผ่อนคลายไปพร้อมๆกันด้วย สามารถปรับมู้ดจิตใจเราให้มีความสุขขึ้นและยังทำให้กิจวัตรความงามในชีวิตประจำวันมีความรื่นรมย์มากขึ้นอีกด้วย มาดูชิ้นโปรดที่พวกเรารวบรวมกันได้เลย

ภาค 1

1.Micellar Refreshing Gel (890 บาท) จาก Corine de Farme

แบรนด์ธรรมชาติจากประเทศฝรั่งเศสคุณภาพดีและอ่อนโยนต่อผิว กลุ่มเคลนซิ่งของเค้านี่เด็ดไปหมดทุกตัวเลยโดยเฉพาะเคลนซิ่ง วอเตอร์ ซึ่งเราใช้ตัวเนื้อเจล เห็นแปลกใหม่ดีเลยเอามาลอง ต้องบอกว่าเนื้อสดชื่นดีมากเลย กดมาเพียงไม่กี่ปั๊มก็เกลี่ยได้ทั้งใบหน้าแล้ว และจะรู้สึกเย็นสบายผิวดี เช็ดออกก็ง่ายแถมกลิ่นหอมอ่อนโยนอีกด้วย สำหรับตัวเนื้อน้ำก็ดีเช่นกัน เพื่อนเราลองแล้วบอกว่าเช็ดแล้วผิวยังคงชุ่มชื่นดี และรู้สึกสะอาด แค่ตามด้วยเจลล้างหน้าสูตรอ่อนโยนเท่านั้นก็พอแล้ว

2.White Tea Enriching Facial Mask (2,090 บาท) จาก Neal’s Yard Remedies

มาสก์พอกผิวหน้ากลิ่นหอมผ่อนคลาย มีช่วงนึงที่ผิวเราแห้งและแสบ รู้สึกว่าต้องมาสก์หน้าซะหน่อย จะทาแล้วพอกทิ้งไว้แล้วไปอาบน้ำ พออาบน้ำเสร็จจึงค่อยล้างออกและเช็ดออก ทีแรกก็กลัวว่าถ้าทาแล้วจะยิ่งแสบและจะแห้งตึงรึเปล่าเพราะเป็นเนื้อโคลน ปรากฏผิวหายแสบทันที และเนื้อครีมนุ่มเกลี่ยง่าย ผิวไม่แห้งตึงเลยและกลิ่นผ่อนคลายสุดๆ

3.Shampoo และ Conditioner (ขวดละ 750 บาท), Hair Mist (1,000 บาท) จาก JILL STUART

แอบประทับใจผลิตภัณฑ์กลุ่มผมของ จิล สจวร์ต ทีแรกเห็นแพคเกจจิ้งหวานๆแบบนี้ กลิ่นจะออกหวานแหววเกินไปรึเปล่า เพราะส่วนตัวจะชอบกลิ่นสดชื่นแมนๆหน่อย ปรากฏกลิ่นออกฟลอรัลหวานก็จริงแต่สดชื่นมากนะ สระแล้วผมหอมมาก ติดอยู่บนผมยาวนาน แถมทางแบรนด์เค้ายังบอกด้วยว่า ได้ทำเซอร์เวย์พบว่าเป็นกลิ่นที่ผู้ชายอยากให้ผู้หญิงใช้มากที่สุด! เราลองสระแล้วฉีดแฮร์ มิสต์ปิดท้ายหลังเป่าดราย ผมจะนุ่มลื่นและชุ่มชื่นดี ครีมนวดก็ล้างออกง่าย แถมมีคนรอบข้างทักด้วยว่าวันนี้ผมหอมจัง! มีจำหน่ายที่บิวตี้ฮอลล์ ห้างสยามพารากอน

4.Energie de Vie Overnight Recovery Sleeping Mask (3,500 บาท) จาก Lancôme

สกินแคร์กลุ่มใหม่ล่าสุดสำหรับผิวเหนื่อยล้าและขาดน้ำ มาสก์เนื้อเจลครีมสดชื่นนี้เป็นหนึ่งตัวที่เราชอบเพราะเป็นมาสก์ที่ไม่ต้องล้างออก ทาเป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนนอน เนื้อจะเย็นสดชื่นผิวมาก พอเกลี่ยแล้วจะกลายเป็นเนื้อน้ำช่วยเคลือบผิวโดยไม่รู้สึกเหนอะหนะ มีสารสกัดจากซูเปอร์ฟู้ดเพื่อผิวสวยอย่างโกจิเบอร์รี่ เฟร้นช์เลมอนและเยนเชี่ยน ช่วยผ่อนคลายผิวจากการโดนทำร้ายของสภาพแวดล้อมและยังฟื้นฟูให้ผิวแข็งแร็งขึ้น กลิ่นในไลน์นี้จะออกแนวซิตรัส ใช้แล้วเหมือนผิวได้ชาร์จพลังงานให้รู้สึกสดชื่นขึ้นทันที

5.Light Solution Lotion (ประมาณ 3,650 บาท) จาก SUQQU

โลชั่นน้ำเนื้อเย็นสดชื่นดีมากเลย กลุ่มนี้ออกแบบสำหรับช่วยบำรุงผิวให้กระจ่างใสโดยพัฒนาเนื้อให้บางเบาเหมาะสำหรับใช้ในอากาศร้อน คนที่ผิวมันจะชอบเพราะเนื้อจะไม่มันลื่นหรืออุดตันรูขุมขน เราชอบแช่ไว้ในตู้เย็นเวลาใช้แล้วจะช่วยปลุกผิวให้ตื่นขึ้นทันทีเลย

6.Aquasource Everplump (1,800 บาท) จาก Biotherm

กลุ่มอควาซอร์ซตอบโจทย์สำหรับผิวขาดน้ำที่เหมาะกับใช้ในสภาพอากาศบ้านเรามาก และตัวใหม่นี้ออกแบบให้ใช้ได้กับทุกสภาพผิวแต่เนื้อยังคงบางเบาน่าประทับใจเหมือนเดิม โดยจะมีลักษณะเป็นเนื้อเจลเข้มข้นหยุ่นๆและเย็น พอเกลี่ยลงผิวแล้วเนื้อจะซึมซาบดีมากเพราะเค้าใช้เทคโนโลยีที่ทำให้เจลสามารถแตกตัวเป็นอณูเล็กละเอียดเหมือนละอองน้ำโปรยลงบนผิวอย่างต่อเนื่อง จึงรู้สึกได้ว่าพอทาแล้วจะยังเหมือนมีฟิล์มบางๆเคลือบอยู่ ผิวจะเนียนนุ่มและลื่นเหมือนกับทาไพรเมอร์เลย แถมกลิ่นยังหอมสดชื่นเหมือนโคโลญอ่อนๆด้วย

7.Activating Water Essence (2,500 บาท) จาก Jurlique

น้ำตบตัวนี้เราเลิฟสุดๆ ที่ประทับใจเลยคือกลิ่นหอมสะอาดและสดชื่นเหมือนผิวหน้าถูกชโลมด้วยน้ำดอกไม้บริสุทธิ์ซึ่งส่วนผสมได้มาจากพืชธรรมชาติแท้อย่างแมชแมลโลว์ ช่วยกักเก็บความชุ่มชื่นผิวยาวนาน และใบจากต้นพีชช่วยเสริมความแข็งแรงผิว ตัวนี้เหมาะสำหรับใช้เพื่อช่วยปลุกผิวให้สามารถรับสกินแคร์ตัวอื่นๆที่ทาตามมาได้ดีขึ้น เราจะใช้ก่อนลงเซรั่มซึ่งรู้สึกได้เลยว่าพอทาเซรั่มตามแล้วจะซึมซาบดีกว่าเพราะพื้นผิวเราจะแห้งและโลชั่นน้ำตัวนี้จะช่วยให้ผิวนุ่มขึ้น จึงทำให้ทาอะไรตามมาจะซึมซาบดีมาก

8.Aqua Moistbalance (ประมาณ 1,800 บาท) จาก Acseine (แอ็คซีน)

ตัวนี้เราซื้อที่สนามบินญี่ปุ่นก่อนกลับ เห็นว่าเป็นแบรนด์ที่ออกแบบมาสำหรับผิวบอบบางและแพ้ง่ายโดยเฉพาะเลยเข้าทางเราเลย ซึ่งมอยส์เจอไรเซอร์ตัวนี้เพิ่งปรับสูตรใหม่เลยสอยซะหน่อย เนื้อข้างในจะเป็นเจลหยุ่นๆที่ทาบนผิวแล้วจะกลายเป็นเนื้อน้ำซึมซาบลงสู่ผิวอย่างรวดเร็ว เราชอบความรู้สึกหลังใช้ที่ผิวจะมีเนียนลื่นๆและสดชื่นดี เพราะเค้าใช้เทคโนโลยีผลิตเซราไมด์ที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื่นไว้บนผิวได้ยาวนาน ผลิตภัณฑ์ยังปราศจากสี กลิ่นและพาราเบน จึงอ่อนโยนต่อผิวมาก

ภาค 2

จะเส้นผม ผิวหน้า ผิวกาย ล้วนต้องการความชุ่มชื่นเป็นพื้นฐานสำคัญ ‘ความชุ่มชื่นผิว’ เป็นเรื่องเบสิกที่มองข้ามไม่ได้เด็ดขาด เพราะเป็นพื้นฐานของผิวสุขภาพดี เคยคุยกับหมอผิวหนัง ทุกคนบอกว่านอกจากการป้องกันผิวจากแสงแดดแล้ว การดูแลให้ผิวชุ่มชื่นสำคัญสุด ไม่ว่าจะปัญหาริ้วรอยหรือความหมองคล้ำ สาเหตุหนึ่งก็มาจากการขาดความชุ่มชื่นในผิวนี่ละค่ะ เพราะพอขาดน้ำ ปราการผิวจะอ่อนแอลง ฟังก์ทำงานไม่ดีเหมือนเดิม

ต่อจากภาคแรก เราเลยมีผลิตภัณฑ์เน้นให้ความชุ่มชื่นสำหรับผิวหน้ามาเพิ่มเติมค่ะ แน่นอนว่าเนื้อก็เลือกมาแบบบางเบาเหมาะกับอากาศบ้านเราค่ะ

1. Aquaporin Active Gel Cream (ประมาณ 1100 บาท) จาก Eucerin

ตัวนี้เป็นมอยเจอไรเซอร์ที่ฉลาดมากๆ ปกติเราไม่ค่อยใช้ของหน้าของยูเซอริน จะชอบบอดี้พวกออยล์ โลชั่น อาบน้ำมากกว่า ส่วนไลน์สิวไม่ค่อยได้ลอง แต่ตัวนี้ไปติดใจข้อมูลที่บอกว่าเสริมระบบความชุ่มชื่นผิวตามธรรรมชาติ คือ ผิวเราจะมีส่วนที่เรียกว่า aquaporin ที่เป็นเหมือนท่อเล็กๆไว้ส่งน้ำระหว่างเซลล์ผิว มอยเจอร์ตัวนี้มีส่วนผสมที่ไปเสริมการทำงานของ aquaporin อีกทีค่ะ อ่านแล้วเอ๊ น่าสนใจดี ดูเสริมความชุ่มชื่นจากข้างในจริงๆ เอามาลองก็พบว่า เออ มันใช้ได้เลยนะ ผิวมันฟูขึ้น (ปกติเราจะติดตัว Clinique moisture surge มาเจอกระปุกนี้ก็สลับๆกันไป)

2. Age Reform Hydro-Dynamic Quenching Essence (ประมาณ 5,500 บาท) จาก Murad

ตัวนี้เอสเซนส์เนื้อเบาทามากๆ ทาแล้วซึมซาบไว ฟีลแบบผิวได้รับการบำรุงทันที พอใช้เป็นประจำ มั่นใจว่าผิวมันเนียนนุ่มขึ้น ลื่นขึ้น และแน่นๆขึ้น ไม่ได้มโนไปเอง ไปหาข้อมูลดู มันมีตัวที่ช่วยเสริมการเก็บน้ำ ตรึงความชุ่มชื่นไว้ในผิว และพิเศษอีกคือ ผสมไกลคอลิกแอซิดอ่อนๆ จึงมีฤทธิ์ช่วยผลัดเซลล์ผิว ซึ่งสำหรับสาววัย 30 อัพนี่ ได้สารบำรุงที่มีคุณสมบัติรวมกันแบบนี้แล้ว มันตอบโจทย์ให้ผิวเนียนนุ่ม ใส สุขภาพดีขึ้นนี่เอง

3. Hydrance Optimal Hydrating Serum (ประมาณ 2000 บาท) จาก Eau Thermale Avène

เซรั่มเพื่อฟื้นฟูผิวที่แห้ง ลอก ระคายเคือง เลอค่ามากกับคนที่ผิวแห้งง่าย แพ้ง่าย หรือสาวๆที่รักการดื่มแถม นอนดึกจนผิวอ่อนแอ ไม่ค่อยฟื้นตัว มาใช้อะไรเบาๆอ่อนโยนจะดีกับหน้า ตัวนี้อ่อนโยนมาก ลงไปก่อนมอยเจอร์ไรเซอร์ ผิวจะแข็งแรงขึ้นเลย ส่วนคนที่ผิวแบบลึกๆขาดน้ำ เช่น ผิวมันแล้วชอบใช้ผลิตภัณฑ์คุมมันจนหน้าแห้ง เราแนะนำตัวนี้ด้วยเพราะเซรั่มเนื้อเบา ไม่มัน แต่จะช่วยให้ผิวชุ่มชื่นจากข้างใน

4. Hydraphase Empowering Thermal Water Sleeping Pack (ประมาณ 1200 บาท) จาก La Roche-Posay

สลีปปิ้ง มาส์กส่วนผสมน้ำแร่เพื่อเติมน้ำให้ผิวแบบล้ำลึก มาในเนื้อแบบเจลครีมเบาๆ กลิ่นที่หอมสะอาดๆ ให้ฟีลเย็นสดชื่น ทาบางๆทั่วหน้าทิ้งไว้ ตื่นมาหน้าจะนุ่มๆ พวกริ้วเล็กๆจากการอยู่ห้องแอร์ทั้งวันหายไป เหมาะมากกับสาวทำงานยุ่งๆ มาส์กก่อนนอนไป ตื่นมาปิ๊ง

5. Pep-Start Hydroblur Moisturizer (ประมาณ 1200 บาท) จาก Clinique
   ตัวนี้มาแหวกแนวกว่าใคร ออกแนวสกินแคร์กึ่งเตรียมผิว เพราะเป็น ‘มอยเจอไรเซอร์เนื้อแมต’ ตอนทาไปแล้วฟีลจะนุ่มๆฟีลกำมะหยี่ แล้วแห้งเนียนเลย ช่วยให้ริ้วรอยเล็กๆบนผิวดูจางไป เบลอไปแบบชื่อเขา แต่ผิวข้างในจะอิ่มน้ำเพราะมีส่วนผสมของกลีเซอรีน ทีฮาโรส ไฮยาลูโรนิกแอซิด ตัวนี้เห็นทางแบรนด์บอกดีไซน์มาให้สาวๆใช้ช่วงเช้าเวลารีบๆ ก็รวบมอยเจอไรเซอร์และไพร์เมอร์ไปเลยในขั้นเดียว ลองแล้วเราว่าสะดวกดี เหมาะกับคนผิวผสมถึงมัน แต่สาวผิวแห้งน่าจะต้องการมอยเจอไรเซอร์เข้มข้นกว่านี้
6. Moisture Ceramide Light Cream (ประมาณ 950 บาท) จาก Mamonde

เนื้อเบามาก คล้ายเจลครีมเลย ทาแล้วผิวนุ่มมาก ผิวสดชื่นดี แถมยังมีส่วนผสมจากดอก hibiscus ช่วยให้ผิวอิ่มน้ำ และเป็นเหมือนกำแพงช่วยผิวจากสภาวะไม่แน่นอนรอบผิวเรา มาม็องนี่เป็นแบรนด์ดังจากเกาหลีที่เราว่าเน้นเรื่องผิวขาดน้ำเลย

7. The Time Reset Aqua (1750 บาท) จาก ipsa

อีกตัวขอแนะนำเป็นโลชั่นน้ำยอดนิยมของอิปซ่า มำขวดสีน้ำเงินมาฉลองครบรอบ 30 ปีด้วย ตัวนี้เราชอบที่ชุ่มชื่นดี ชอบเอาไปแช่ตู้เย็นไว้ แล้วเอามาใช้ตบๆเข้าผิวในตอนเช้าๆ มันปลุกผิวได้ดีเลย มันอาจจะราคาสูงหน่อย แต่เป็นตัวที่ทำให้เราติดขั้นตอนการใช้โลชั่นน้ำตบเลย แต่ถ้าสาวๆงบน้อยก็ลองมองหาสกินแคร์แนวเดียวกันที่มีส่วนผสมของกลีเซอรีน ไฮยาลูโรนิกแอซิดเป็นหลักนะคะ เพราะเป็นตัวบูสต์ความชุ่มชื่นเลยค่ะ